รีวิว คาโกเมะ น้ำมะเขือเทศ ยี่ห้อทีทุกคนดื่มได้

สวัสดีค่ะทุกๆคน
 วันนี้จะมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่มีมะเขือเทศนั้นก็คือ  คาโกเมะ
ต้องบอกก่อนว่า  ก่อนหน้านี้เรากินน้ำมะเขื่อเทศดอยคำอยู่
สำหรับดอยคำแล้ว ส่วนตัวเรากินได้ สบายมากไม่มีปัญหา
ที่กินเพราะเห็นหลายคนบอกว่าทานแล้วผิวสวย แก้มอมชมพู
ก็เลยซื้อมากินบ้างหวังว่าผิวจะสวยและดูดีแบบเค้า อิอิ
เข้าเรื่องเลยดีกว่า
คาโกเมะหาซื้อง่ายมากๆที่เซเว่นราคาขวดละ45บาท
แต่ของเราได้ฟรีเพราะเข้าไปเล่นเกมตอบคำถามในแฟนเพจของ
คาโกเมะในfacebook  ได้มาลองกินถึง 4 ขวด
เราไปรู้จักกับคาโกเมะกันแบบละเอียดเลยดีกว่า(ข้อมูลจากเว็บ http://www.kagomethailand.com)
งานวิจัยไลโคปีนของคาโกเมะที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 40 ปี นับตั้งแต่เปิดกิจการมา คาโกเมะก็ให้ความสำคัญกับมะเขือเทศและผักชนิดต่างๆ เรื่อยมาเป็นเวลากว่าหนึ่งศตวรรษ ในยุคเมจิได้มีการนำเข้ามะเขือเทศมายังประเทศญี่ปุ่นเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบใน การทำอาหาร ผู้ที่ให้ความสนใจและบุกเบิกการปลูกมะเขือเทศอย่างรวดเร็ว ในเวลานั้นคือ อิจิทาโร่ คานิเอะ ผู้ก่อตั้งคาโกเมะ ในพ.ศ.2442 (ปีเมจิที่ 32) หลังเกษียณจากราชการทหาร อิจิทาโร่ คานิเอะซึ่งเป็นทายาทของครอบครัวเกษตรกร ได้ทำการหว่านเมล็ดผักของชาติตะวันตกหลากหลายชนิดรวมถึงมะเขือเทศในที่ดิน ของตนเองในจังหวัดไอจิ ซึ่งอิจิทาโร่ ได้นำพืชผักที่ตนเก็บเกี่ยวไปขายในร้านอาหาร แต่มีเฉพาะมะเขือเทศเท่านั้นที่ถูกมองข้ามเนื่องจากมีขนาดเล็กและสีแดงโดด เด่นเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ขายไม่ได้เลยแม้แต่ผลเดียวจนน่าวิตกด้วยเหตุนี้จึงเริ่มพัฒนาซอสมะเขือ เทศของตัวเองโดยอาศัยซอสมะเขือเทศที่นำเข้ามาทางเรือเป็นต้นแบบและ ผลิตซอสมะเขือเทศ หมายเลข 1 (Tomato Puree ในปัจจุบัน) จนเสร็จสมบูรณ์ ในพ.ศ.2446 (ปีเมจิที่ 36) สินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าแปรรูปจากมะเขือเทศที่เป็นผลิตผลภายในประเทศครั้ง แรกของญี่ปุ่น ภายหลังจากนั้นซอสมะเขือเทศที่อิจิทาโร่ผลิตขึ้นก็ได้รับความนิยม อย่างสูงพร้อมกับขยายขนาดกิจการออกไปมากขึ้น ในพ.ศ.2451 หลังจากผ่านมาเป็นเวลา 5 ปีก็เริ่มทำการผลิตเค็ทชัพ (Ketchup) และวูสเตอร์ซอส (Worcester Sauce) เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามจากการวิจัยของคณะ DiMascio ในพ.ศ.2532 ทำให้ทราบว่าประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระของไลโคปีนถือว่าอยู่ในอันดับ ต้นๆ ของสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ทั้งหมดเมื่อมีผลการวิจัยนี้เกิดขึ้นทำให้ไลโคปีน เริ่มเป็นที่จับตามองทั่วทุกมุมโลกในฐานะของสารประกอบที่ช่วยส่งเสริมด้าน สุขภาพ ทางด้านคาโกเมะที่มีส่วนร่วม ในการผลิตมะเขือเทศมาเป็นเวลาหลายปีก็ให้ความสนใจเรื่องไลโคปีนในลักษณะ เดียวกันและทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่การวิจัยศักยภาพของไลโคปีน ในพ.ศ.2536 ผลการวิจัยต่างๆ ที่คาโกเมะรายงาน เช่น บทความวิชาการที่ทำการวิจัยร่วมกับสถาบันวิจัยอาหารแห่งชาติของกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง (ในขณะนั้น) ก็เป็นที่สนใจของบรรดานักวิจัยทั่วโลก ซึ่งจำนวนบทความวิชาการเกี่ยวกับ
ไลโคปีนที่คาโกเมะมีส่วนร่วมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันมีจำนวน 37 ฉบับและมีการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการ 122 ครั้ง (ณ เดือนธันวาคม พ.ศ.2555) สถาบันวิจัยกลางคาโกเมะทุ่มเทในงานวิจัยร่วมเรื่องไลโคปีนกับ มหาวิทยาลัย/สถาบันวิจัยทั่วโลกเพื่อหาค่าศักยภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

จำนวนสายพันธุ์มะเขือเทศที่คาโกเมะครอบครองอยู่มีมากเป็นอันดับ 1 ของโลกในสายธุรกิจเอกชน และสถาบันวิจัยกลางคาโกเมะซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอนาซุชิโอบาระ จังหวัดโทจิงินั้นมีสถานที่ลับซึ่งห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้า ไปโดยเด็ดขาด สถานที่ดังกล่าวคือ “คลังเก็บทรัพยากรพันธุกรรม” ซึ่งเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศที่รวบรวมมาจากแต่ละพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกเนื่องจากเมล็ดพันธุ์ของพืชมีกำหนดอายุขัย จึงไม่สามารถนำทรัพยากรพันธุกรรมที่สูญเสียไปแล้วครั้งหนึ่งกลับคืนมาได้ ด้วยเหตุนี้ คาโกเมะจึงพยายามที่จะปลูกสายพันธุ์มะเขือเทศที่รวมรวมมาอย่างต่อเนื่องและ เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์เอาไว้ ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 7,500 สายพันธุ์ นับว่าเป็นความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกในสายธุรกิจเอกชนอีก ทั้งได้นำทรัพยากรทางพันธุกรรมที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวมาใช้ให้ เกิดประโยชน์ตลอดจนดำเนินการพัฒนาสายพันธุ์ของตนเองไปพร้อมกันนอกจากนี้ ทรัพยากรพันธุกรรมส่วนหนึ่งยังนำไปให้สถาบันวิจัยซึ่งเป็นหน่วยงานแห่งชาติ อีกด้วย
มาดูคุณสมบัติของมะเขือเทศและไลโคปีนกันดีกว่า
มีผลจากการวิจัยมากมายพบว่า ไลโคปีนที่มีมากในมะเขือเทศนั้น สามารถลดความเสี่ยงจากโรคภัยร้ายแรงต่างๆได้ และได้มีการแนะนำอย่างกว้างขวางไปทั่วโลกเรื่องการบริโภคมะเขือเทศและ ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศเป็นประจำ รวมถึงอาหารที่ช่วยเพิ่มการต่อต้านอนุมูลอิสระเพราะจะทำให้เราห่างไกลจากโรค ร้ายแรงๆต่างได้ เช่น โรคมะเร็ง และโรคเส้นเลือดในสมองตีบ
มาดูรูปร่างหน้าตาของคาโกเมะดีกว่า
เรามาดูรูปต่อไปเลยดีกว่า
ข้างกล่อง
  มีระบุไว้ว่า
สกัด จากมะเขือเทศธรรมชาติที่คัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านมะเขือเทศจากสถาบันวิจัย และพัฒนาคาโกเมะ ประเทศญี่ปุ่น ในหนึ่งขวดมีไลโคปีน (LYCOPENE)ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมจากธรรมชาติ ถึง 30 มิลลิกรัม, สารกาบา (GABA) และมีวิตามินซีสูงซึ่งมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้าง เนื้อเยื่อคอลลาเจนและกระดูกอ่อน ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง
ลงมาอีก 1 รูป

ดูสีของเค้าสิค่ะ เข้มข้นมากๆ
พอลองกินเข้าไปแล้ว ความรู้สึก
เหมือนกินน้ำผลไม้รวม รสชาติอร่อย
ดีกว่าดอยคำตรงที่ดอยคำจะออกเค็มและ
คาโกเมะไม่เค็มแต่ออก
เปรี้ยวๆอร่อยดีค่ะ
สำหรับคนที่กินตัวอื่นแล้วทรมาน มาลองกินตัวนี้ดูนะค่ะ
ไม่ต้องปิดจมูกกิน รับลองกินง่ายมากๆขอบอก
ส่วนตัว
คาโกเมะกินง่ายก็จริงแต่ราคาแพงกว่าตัวอื่น
สำหรับเราแล้ว เราคงจะนานๆซื้อกินที ถ้ากินทุกวันคงไม่ไหว
จะ
สลับกินกับตราดอยคำ
ถ้าใครสนใจก็ลองไปหาซื้อมากินกันนะค่ะ
ขอจบการรีวิวไว้แค่นี้ ไว้เจอกันครั้งหน้านะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ปล..การรีวิวนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเรา บางคนอาจจะคิดแบบเดียวกันหรือว่าต่างกันก็แล้วแต่บุคคล นะค่ะ
 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม